เคลือบแก้วรถยนต์ มีประโยชน์มากว่าที่คิด คนรักรถต้องทำ

ยานพาหนะที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำทุกวันนั้น เป็นสิ่งที่ต้องหมั่นดูแลบำรุงรักษาอยู่เสมอ เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องเพิ่มความปลอดภัย ความมั่นใจในการขับขี่แล้ว บางครั้งรถก็เป็นเสมือนของรักของหวงของหลายคนทีเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะดูแลรักษารถของตัวเองเป็นพิเศษ หนึ่งในการดูแลรถยนต์ที่เรารักนั้น คือ เทคโนโลยีอย่างการ เคลือบแก้วรถยนต์ ที่หลายคนอาจพอจะได้ยินมาบ้าง หากเป็นสมัยก่อนอาจจะนึกถึงการลงแว๊กซ์เคลือบสีรถเพื่อเพิ่มความเงางามกันรอยขีดข่วนทั่วไป แต่การ เคลือบแก้วรถยนต์ นั้น เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ดูแลรักษารถของเราได้มากกว่าเดิม ดังนั้น ลองมาทำความรู้จักกับ การเคลือบแก้วว่ามีดีอย่างไร ทำไมถึงควรเคลือบแก้วรถ กันดีกว่าในบทความข่าวรถยนต์

               เคลือบแก้วรถยนต์คือการเคลือบชั้นผิวของสีรถ ที่มีลักษณะเหมือนกระจกใส แผ่นฟิล์มหนา เพิ่มความหนาของพื้นผิวสีตัวถังรถจากรอยขีดข่วนต่างๆ และมีระดับชั้นความหนาแตกต่างกันไป โดยมีความหนาตั้งแต่ระดับ 1-9 และสารที่ใช้ทำเคลือบแก้วจะมีส่วนผสมของสาร Silica หรือ Polysilazane ที่เป็นสารสำคัญในการปกป้องรถจากร่องรอยขีดข่วนได้ดีกว่าการเคลือบ wax ในสมัยก่อน ที่สำคัญยังทำให้รถที่เคลือบนั้นเป็นประกายเงางามวาววับ เหมือนรถใหม่อยู่เสมอ ส่วนใหญ่การเคลือบแก้วจะมีอายุประมาณ 2-3 ปี หรืออาจมีระยะเวลานานกว่านั้นก็ได้ จากการเคลือบแก้วเพียงครั้งเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำยาเคลือบแก้วแต่ละแบรนด์และส่วนผสมที่แตกต่างกันไป โดยประโยชน์ที่จะได้จากการเคลือบแก้วรถยนต์นั้น มีมากกว่าที่คิดดังนี้

               1. รถที่เคลือบแก้วนั้นจะเงางาม แทบเป็นกระจกซึ่งจะมองเห็นเป็นแบบกระจกแก้วครอบรถไว้อยู่ทั้งคัน

               2. สำหรับรถสีขาว และสีดำ ควรเคลือบแก้วอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเป็นรอยมักจะเห็นชัดกว่ารถสีอื่น

               3. ป้องกันรอยจากขนผ้าที่อาจเกิดจากการเช็ดทำความสะอาดรถ หรือรอยขนแมว

               4. สำหรับคนที่มักจะชอบจอดรถกลางแจ้งที่แดดแรง การเคลือบแก้วรถจะช่วยกันแสง UV ได้ดี ไม่ทำให้รถสีซีดจางลง

               5. ป้องกันฝุ่น ขี้นก คราบยางมะตอย รวมไปถึงฝนและคราบหยดน้ำ เพราจะไล่น้ำลง กันน้ำเกาะรถจนเป็นรอยหยดน้ำได้อย่างดี ลดการเกาะตัวของฝุ่นละออง แม้มีคราบสกปรกไม่ว่าจะเป็นขี้นก หรือยางมะตอย ก็ทำความสะอาดได้ง่าย แค่เพียงใช้น้ำเปล่าฉีดแรงๆ ก็จะทำให้หลุดออก และสีรถก็ยังอยู่ในสภาพใหม่เงาวาวเหมือนเดิม

               อย่างไรก็ตามการเคลือบแก้วมักจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง และไม่อาจทนกับรอยขีดข่วนหนักได้ เช่น เอาฟองน้ำที่ติดทรายไปถูตัวรถ หรือทุบด้วยของแข็งหนักๆ นำมาขูด ต่อให้เคลือบแก้วมีราคาแพงแค่ไหน ก็ไม่สามารถทนได้ แม้ว่าการเคลือบแก้วจะค่อนข้างมีราคา แต่เทียบกับคุณภาพและความคุ้มค่าที่จะได้รับถือว่าดี โดยเฉพาะสำหรับคนรักรถแล้วไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง