ไส้กรองอากาศรถยนต์ เมื่อไหร่ที่ถึงเวลาจะควรเปลี่ยนได้แล้ว 

ไส้กรองอากาศอุปกรณ์ ชิ้นหนึ่งในบรรดาอุปกรณ์ที่มีมากมายใน รถยนต์ ของคุณ เจ้า ไส้กรองอากาศรถยนต์ นี้มีหน้าที่หลักคือป้องกันสิ่งสกปรกต่างๆเช่นพวกเศษฝุ่น ใบไม้ชิ้นเล็ก หรือพวกผงต่าง ๆ ไม่ให้เข้าไปในเครื่องยนต์ของคุณ เพราะถ้าสิ่งสกปรกคราวนี้เข้าไปในเครื่องยนต์ของคุณแล้วเราก็จะทำให้เครื่องยนต์ของคุณมีปัญหา ซึ่งจะทำให้การขับขี่ผิดปกติ ทำให้คุณต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และอาจจะมีหลายคนที่ตั้งคำถามขึ้นมาว่าแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไส้กรองอากาศของเรานั้นถึงเวลาที่ต้องทำการเปลี่ยนแล้ว โดยหลักแล้วจะมีการตรวจเช็คอยู่ 2 อย่าง

อย่างแรกให้ ตรวจเช็คสภาพ ของไส้กรองอากาศว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สะอาดดีหรือไม่ ถ้าไส้กรองอากาศขาดหรือเปลือยยุ้ยก็ควรเปลี่ยนทันที และถ้าสังเกตดูแล้วว่ามีความสุขกับปกมากเกินไปหรือสภาพสีเป็นสีดำคล้ำ ก็แสดงว่ากรองอากาศของคุณหมดอายุก็ควรจะเปลี่ยนทันทีเช่นกัน ส่วนการเช็คอย่างที่ 2 นั่นก็คือเปลี่ยนการเปลี่ยนตามระยะ ดูอายุการใช้งานเฉลี่ยของกองอากาศจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นกิโลเมตร ถ้าใช้งานนานกว่านั้นจะมีปัญหา ไส้กรองอากาศรถยนต์ อุดตันและไม่สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้ดีเหมือนเดิม ถ้าผู้ใช้รถต้องการขับรถอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ควรจะมาตรวจเช็คกรองอากาศและเปลี่ยนตามระยะอยู่เสมอ ข่าวรถยนต์

ไส้กรองอากาศรถยนต์ มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนด้วยหรือไม่

ไส้กรองแอร์มีหน้าที่การทำงานคล้ายกับไส้กรองอากาศรถยนต์ที่มีหน้าที่ดักจับฝุ่นไม่ให้ผ่านเข้าไปถึงแผงทำความเย็นในตู้แอร์ ที่อยู่ภายในห้องโดยสาร  มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้แผงทำความเย็นอุดตันหรือเสียหาย และมีหน้าที่กรองอากาศภายในรถยนต์ไม่ให้ผู้ขับรถหรือผู้โดยสาร สูดดมฝุ่นผงเข้าไปในร่างกาย ไส้กรองอากาศแอร์มีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปีหรือ 2 หมื่นกิโลเมตร แต่ก็ขึ้นกับการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วย พระผู้ใช้รถนำสัตว์เลี้ยงเดินทางไปด้วยเช่นหมาหรือแมว และภายในรถไม่ได้รักษาความสะอาดหรือดูดฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้กรองแอร์มีอายุการใช้งานที่สั้นลงกว่าเดิม ถ้าทุกคนไม่อยากสูดดมฝุ่นและขนสัตว์ต่างๆเข้าไปในร่างกาย ก็จำเป็นต้องหมั่นตรวจเช็คไส้กรองแอร์และเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันโรคทางเดินหายใจที่จะทำให้ผู้ขับขี่ไม่สบายได้

เมื่อไส้กรองอากาศและไส้กรองอากาศรถยนต์คือส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ใน รถยนต์ ที่มีความสำคัญต่อผู้ขับขี่ ก็ควรหมั่นตรวจเช็คอยู่เสมอและเปลี่ยนตามระยะที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการเสียเงินเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และเป็นการรักษาสุขภาพเพราะผู้ใช้รถทุกคน ไม่ให้เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ

Related Posts

• 
  ความต่าง รถยนต์ทั่วไป กับ รถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร มีอะไรบ้างไปดูกัน
• 
  รถยนต์ในช่วงหน้าฝน จะต้องดูแลรถยนต์อย่างไรเพื่อความปลอดภัย
• 
  “รถเกียร์ธรรมดา” มีโอกาสหายน้อยกว่ารถเกียร์ออโต้ จริงหรือไม่ไปดูกัน
• 
  “กุญแจดอกเล็กในรีโมท” รถยนต์ใช้ทำอะไร มีไว้ทำไม มาไขข้อสงสัยกัน
• 
  ไฟหน้ารถยนต์ไม่สว่าง กับ 2 วิธีแก้ปัญหา แก้ง่าย ได้ผลจริงอย่างแน่นอน